9 เทรนด์เทคโนโลยีของอุตสาหกรรมแฟชั่นในปี 2023

อื่นๆ
11/05/2566     |     อ่าน : 4263 ครั้ง

อุตสาหกรรมแฟชั่นนับเป็นหนี่งในอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 3.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2030 แต่กลับเป็นที่น่าประหลาดใจที่การดำเนินงานของแฟชั่นในปัจจุบันไม่แตกต่างจากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว 

อุตสาหกรรมแฟชั่นนับเป็นหนี่งในอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 3.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2030 แต่กลับเป็นที่น่าประหลาดใจที่การดำเนินงานของแฟชั่นในปัจจุบันไม่แตกต่างจากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว 



ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแรงงานฝีมือราคาถูกในหลายประเทศยังหาง่าย อย่างไรก็ตาม จากความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับค่าแรงที่ไม่ยุติธรรม มลภาวะ และความต้องการที่มากขึ้นของผู้บริโภค นำไปสู่การคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

นักออกแบบและแบรนด์หลายรายนำเทคโนโลยีล่าสุดมาใช้ เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดในการผลิต การตลาด และความสามารถสวมใส่ได้ ในขณะที่โลกของความเป็นจริงของลูกค้าจะเข้าไปเกี่ยวโยงกับโลกดิจิทัลมากขึ้นเรื่อย ๆ จากปัญญาประดิษฐ์ สู่การอุบัติของการทำธุรกิจซื้อขายออนไลน์ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (mobile commerce) การพิมพ์สามมิติ (3D printing) และบล็อกเชน จึงได้มีการรวบรวมรายการความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีที่สำคัญ ๆ ในวงการแฟชั่นในปัจจุบันดังนี้

1.ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI)

1.ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI)

    ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา แบรนด์ต่าง ๆ ได้ใช้ AI ในการปรับปรุงประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้าของตน รวมทั้งวิเคราะห์ข้อมูล เพิ่มการขาย คาดการณ์เทรนด์ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าคงคลัง ทั้งนี้ Chatbots และทัชสกรีนถูกนำไปใช้ในร้านเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตตามความต้องการของลูกค้า ปัจจุบันเกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปในเว็บไซด์ของแบรนด์แฟชั่นแล้วไม่พบเทคโนโลยีแช็ท AI ซึ่งช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า

อีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจ คือ Intelligence Node 

รูปภาพตัวอย่าง : แพลทฟอร์มการค้นหาของ Intelligence Node

Intelligence Node

การสตรีมสดวิดีโอกลายมามีบทบาทสำคัญในชีวิตของผู้คน จากงานอีเวนท์เสมือนจริงจนถึงความเหมาะสม การซื้อสินค้าทางอินสตาแกรมได้เข้าไปแทนที่ตลาดหลังโควิดในปี 2022 อีกทั้ง 5G ยังทำให้เกิดรูปแบบสื่อการสตรีมใหม่ ๆ ที่มีกราฟฟิกที่มีความละเอียดสูง ทุกวันนี้ลูกค้าสามารถ ‘ลองแบบ’ ก่อนซื้อ บางแบรนด์ เช่น Tommy Hilfiger และ Gucci กำลังเสนอโชว์รูมเสมือนจริงเพื่อทดสอบความต้องการของตลาดบางแบรนด์ เช่น Taylor Stitch อนุญาตให้ลูกค้าสั่งแบบดิจิทัลล่วงหน้าก่อนที่จะผลิต เทคโนโลยีเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า AI เป็นหัวใจของการพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นในอนาคต โดยกำหนดทุกสิ่งตั้งแต่การพยากรณ์เทรนด์ ไปจนถึงการที่ผู้บริโภคมองและซื้อผลิตภัณฑ์

2.ผ้าชนิดใหม่ ๆ (Novel fabrics)

2.ผ้าชนิดใหม่ ๆ (Novel fabrics)

    อาจกล่าวได้ว่า ผ้าผืนชนิดใหม่ ๆ เป็นอนาคตของวงการแฟชั่น เพราะเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้นักออกแบบโดดเด่นขึ้นมาและเป็นทางเลือกด้านความยั่งยืน ตัวอย่างบริษัทสตาร์ทอัพ เช่น Modern Meadow กำลังต่อสู้กับเรื่องนี้ โดยการผลิตหนังที่เติบโตจากห้องแลบ โดยไม่ทำอันตรายสัตว์ และบริษัทต่างๆ เช่น Bolt Threads และ EntoGenetics ก็กำลังคิดค้นนวัตกรรมไหมทำจากแมงมุมที่มีความแข็งแรงสูง

Modern Meadow Technology

เทคโนโลยีข้างต้นแสดงให้เห็นว่า ผ้าชนิดใหม่ ๆที่น่าสนใจต้องผนวกเทคโนโลยีและฟังก์ชั่น และผ้าผืนชนิดใหม่ ๆ ที่ผุดขึ้นมาจากร้านบูติกต่าง ๆ ทั่วโลก แสดงให้เห็นว่าเทรนด์เทคโนโลยีดังกล่าวกำลังพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง

3.Internet of things (IoT)

3.Internet of things (IoT)

    IoT อธิบายเครือข่ายของวัตถุ หรือ ‘things’ ที่ฝังตัวอยู่ในเทคโนโลยี ที่ช่วยให้มีการแลกเปลี่ยน และการเชื่อมโยงข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในเทรนด์เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในตลาดแฟชั่น ในแต่ละปี แฟชั่นประจำวันยังปรับปรุงไปเรื่อย ๆ เพื่อสะท้อนความจริงของชีวิตประจำวัน จากการเน้นความสบายโดยการใช้ผ้าใหม่ๆและน่าตื่นเต้น อุตสาหกรรมแฟชั่นต้องก้าวให้ทันการปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของชีวิตร่วมสมัย ซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากจากเทคโนโลยีเครื่องแต่งกายล้ำสมัยที่น่าตื่นเต้น ที่มีผลต่อปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้อื่นและร่างกายของเราเอง และให้ความหมายใหม่ของคำว่าสบาย  ตัวอย่างเช่น กางเกงสำหรับเล่นโยคะ NADI X ได้ใส่เซ็นเซอร์เข้าไปในกางเกง เพื่อปรับให้ท่าทางของผู้สวมใส่ดีขึ้น โดยจะสั่นสะเทือนพร้อมกับการเคลื่อนไหวไปกับท่าต่าง ๆ ของโยคะ

    อีกตัวอย่างนวัตกรรมด้าน IoT ที่น่าตื่นเต้น คือ Hexoskin ที่ติดตามอัตราการเต้นของหัวใจและอุณหภูมิ นอกจากนี้ ยังผลิตถุงเท้าที่นับแคลอรี และข้อมูลอื่น ๆ ในขณะเดียวกัน ชุดพลังของ Fuseprojects ช่วยให้คนชราที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง สามารถเดิน ยืน และทำกิจกรรมได้นานขึ้น ข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับแพทย์และผู้ให้บริการด้านสุขภาพเพื่อที่จะช่วยผู้ป่วยได้

รูปภาพตัวอย่าง :Wearable tech by Loomia that, when connected to sensors, can heat up and emit light.

4.การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรวดเร็วเพื่อการปรับตัวอย่างรวดเร็ว (Rapid Data Analysis for Quick Adaption)

4.การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรวดเร็วเพื่อการปรับตัวอย่างรวดเร็ว (Rapid Data Analysis for Quick Adaption)

    การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรวดเร็วเพื่อการปรับตัวอย่างรวดเร็ว เป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เช่น ห่วงโซ่อุปทาน โดยใช้ข้อมูลเป็นจำนวนมาก ในการสนับสนุนการปรับตัวดังกล่าว จากการที่ในปัจจุบันมีเครื่องมือซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ ในตลาด แบรนด์และโรงงานต่าง ๆ จึงสามารถรับข้อมูลย้อนกลับและสัญญาณเตือนจากบริษัทได้อย่างเวลาจริง เมื่อพบสินค้ามีตำหนิหรือเสียหาย ซึ่งทำให้ช่วยประหยัดเงิน ลดของเสีย และส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้ทันเวลา อีกทั้งยังช่วยให้ลูกค้ามีความพอใจ จากการพบภัยคุกคามต่อธุรกิจอย่างทันถ่วงที การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรวดเร็วสามารถช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ปรับตัวได้เร็วเมื่อมีความจำเป็น ดังในช่วงการระบาดของโรค COVID-19 การปรับตัวของแบรนด์มีความจำเป็นเพื่อความอยู่รอด ดังนั้น การใช้ข้อมูลที่รวดเร็ว เช่น Techpacker จึงช่วยทำให้ทีมงานร่วมมือกันดียิ่งขึ้น และช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์และวงจรการผลิตให้ดียิ่งขึ้น ผ่านทางการเลือกใช้ซอฟต์แวร์เดียว

5.การทำธุรกิจซื้อขายออนไลน์ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile commerce)

5.การทำธุรกิจซื้อขายออนไลน์ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile commerce)

เทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่มีความก้าวหน้ามากขึ้นทุกวัน จากการช้อปปิ้งออนไลน์ไปจนถึงกระเป๋าเงินอัจฉริยะ ธุรกิจซื้อขายออนไลน์จึงเป็นสุดยอดของเครื่องมือเทคนิค ซึ่งไม่เพียงแต่มีผลต่อชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในสาขาที่โตเร็วที่สุดในสาขาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การใช้สมาร์ทโฟนเพื่อช้อปปิ้งออนไลน์มีความง่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ กระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น แอพของ Apple และ Android Pay ที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่เสมอ เช่น การยอมรับรอยนิ้วมือและใบหน้า จึงมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นการจ่ายเงินที่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับซื้อสินค้าขายปลีก ความจริงแล้ว จากข้อมูลของ BigCommerce สองในสามของผู้ที่อยู่ในเจเนอเรชั่น millennials ต้องการซื้อสินค้าออนไลน์มากกว่าซื้อจากร้าน

นอกเหนือจากการเติบโตของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หากเรานับสื่อสังคมออนไลน์ (เช่น การช้อปปิ้งของ Instagram) แบรนด์ต่าง ๆ ก็อาจอยู่ในช่องที่เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า พร้อมพาณิชย์ดิจิทัลที่บูรณาการเข้าด้วยกัน ซึ่งทำให้เห็นได้ดีขึ้น และมีโอกาสขายได้ดีขึ้นเช่นกัน เช่นเดียวกัน แอพแฟชั่นที่ยั่งยืน เช่น Vinted และ Depop ก็เป็นที่ฮือฮาในตลาด โดยแทนที่ช่องทางดั้งเดิม เช่น eBay และ Gumtree ในการขายสินค้าแฟชั่นมือสอง สถานที่ขายผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่เหล่านี้ ได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมการขายออนไลน์ และแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่กำลังนำนวัตกรรมมาใช้ในทุกเรื่องในอุตสาหกรรมแฟชั่น

6.เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (Virtual Reality หรือ VR) และเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม (Augmented Reality หรือ AR)

6.เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (Virtual Reality หรือ VR) และเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม (Augmented Reality หรือ AR)

การผสมผสานระหว่างโลกกายภาพและโลกออนไลน์ของการค้าปลีก เป็นหนึ่งในแอพพลิเคชั่นที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดของโลกเสมือนจริง รวมทั้งในอุตสาหกรรมแฟชั่น การใช้เทคโนโลยี VR ที่แพร่หลายอย่างหนึ่ง คือ การช่วยให้ลูกค้าลองเสื้อทางโลกเสมือนจริง ซึ่งช่วยให้มีความแม่นยำมากขึ้น จากการวัดตามขนาดของลูกค้าและใช้เทคโนโลยี AR ซึ่งหมายความว่า ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ที่รู้สึกว่าเคยลองมาแล้ว ประสบการณ์การชอปปิ้งออนไลน์ประเภทนี้ ดึงลูกค้าให้อยู่ได้นานกว่า เพราะลูกค้าต้องการเห็นผลิตภัณฑ์บนตัวเองก่อนซื้อ และรวมเข้ากับการแชร์ในสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ดึงดูดลูกค้ามากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ บริษัทบางแห่งกำลังใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AR และ VR อย่างเต็มที่

A widget by Virtusize that helps buyers visualize how to measure their favorite item at home and provides measurements for custom-fit garments.

รูปภาพตัวอย่าง :Ralph Lauren and Bitmoji collaboration. Source Ralph Lauren

การจำหน่ายเสื้อผ้าดิจิทัลกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น Louis ได้ออกแบบ “หนัง” สำหรับตัวละครของ เกม League of Legends และเมื่อเร็ว ๆ นี้ Ralph Lauren ได้ร่วมมือกับ Bitmoji ที่ซี่งลูกค้าสามารถสร้างรูปลักษณ์ Bitmoji ของตนเอง โดยใช้เสื้อผ้าแบบ mix-and-match ใหม่จาก Polo Ralph Lauren ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของตู้เสื้อผ้าอิเล็กทรอนิกส์

7.การพิมพ์สามมิติ (3D Printing)

7.การพิมพ์สามมิติ (3D Printing)

ตั้งแต่การก่อกำเนิดของเครื่องพิมพ์ 3 มิติ แบรนด์หลายรายทั้งเล็กและใหญ่ ต่างศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตตามความต้องการ ซึ่งจะเป็นแนวทางใหม่ในการสร้างความยั่งยืน และความคิดสร้างสรรค์ แบรนด์แฟชั่นหลายรายใช้การพิมพ์ 3 มิติในคอลเลคชั่นของปี 2022 ถึงแม้จะใช้เวลาหลายชั่วโมงในการผลิต แต่ก็ทำให้มีของเสียน้อยลงและใช้แรงงานเข้มข้นน้อยกว่าการผลิตประเภทอื่น การพิมพ์เสื้อผ้าตามสั่งจะช่วยลดของเสียที่เป็นเศษผ้าประมาณร้อยละ 35 ซึ่งจะช่วยทำให้โรงงานตระหนักถึงความยั่งยืนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม

หนึ่งในผู้บุกเบิกการพิมพ์สามมิติในแฟชั่นชั้นสูง คือ Iris Van Herpen ซึ่งเป็นผู้ออกแบบชาวดัทช์ที่ทำงานด้านการพิมพ์สามมิติมาตั้งแต่ปี 2010 หนึ่งในผลงานที่มีชื่อเสียงของเธอ คือ เสื้อ "Crystallization" ที่พิมพ์สามมิติจากโพลิเอไมด์สีขาว ทั้งนี้ Van Herpen อาจเป็นนักออกแบบเพียงคนเดียวที่จัดแสดงผลงานในสัปดาห์แฟชั่นชั้นสูง (Haute Couture fashion weeks) ที่มีชื่อเสียงที่กรุงปารีส โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับเครื่องแต่งกาย ลูกค้าของเธอ ได้แก่ Beyonce และ Lady Gaga โดยผลิตเสื้อแฟชั่นที่พิมพ์สามมิติเป็นพิเศษ

การถักแบบดิจิทัล (digital knitting) ก็เป็นที่นิยมในโลกของการพิมพ์ 3 มิติ และเสนอความเป็นไปได้มากมายของการผลิตตามสั่ง ผู้ผลิต เช่น Shima Seika สามารถเปลี่ยนเส้นด้ายให้เป็นเสื้อผ้าทั้งชุดแบบไร้รอยต่อภายในเวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง

Seamless operation: a jumper made with one single thread

8.บล็อคเชน (Blockchain)

8.บล็อคเชน (Blockchain)

บล็อกเชนเป็นเครื่องมือที่ดี มีความโปร่งใส ตรวจสอบย้อนกลับได้ และมีประสิทธิภาพในห่วงโซ่อุปทาน โดยช่วยให้สมาชิก ตั้งแต่ซัพพลายเออร์ไปจนถึงนายธนาคาร สามารถเชื่อมโยงกันและแลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อมูลดิบ และเอกสารโดยตรงอย่างปลอดภัย ส่วนใหญ่บล็อกเชนใช้ในเทคโนโลยีบันทึกข้อมูล "บล็อก" บนบล็อกเชนทำจากชิ้นข้อมูลที่เป็นดิจิทัล ที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรม เช่น วัน เวลา และจำนวนเงินที่ใช้ซื้อล่าสุด และผู้ที่ร่วมทำธุรกรรม อย่างไรก็ตาม ยังเก็บข้อมูลที่ต่างจากบล็อกอื่นๆ โดยใช้รหัสเฉพาะเรียกว่า hash (กลไกในการแปลงข้อมูล) ซึ่งสามารถใช้ในการตรวจสอบย้อนกลับและบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเสื้อผ้าและห่วงโซ่อุปทานผ่านเทคโนโลยี เช่น การติดตามและตรวจสอบย้อนกลับและการจัดการสินค้าคงคลัง

บล็อกเชนสร้างความเชื่อมโยงทางกายภาพ-ดิจิทัลระหว่างผลิตภัณฑ์และเอกลักษณ์ด้านดิจิทัลบนบล็อกเชน และเช่นเดียวกับเงินตราดิจิทัล บล็อกเชนมีการเข้ารหัสลับหรือชุดตัวเลขที่เป็นตัวระบุทางกายภาพที่เชื่อมโยงกลับไปยัง "แฝดดิจิทัล" (การจำลองวัตถุกายภาพให้เป็นวัตถุดิจิทัล) ของผลิตภัณฑ์

Blockchain technology tracks the journey of raw material through the supply chain and finally to the finished garment.

เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้โดย Textile Genesis เพื่อบันทึกทุกขั้นตอนการผลิต ซึ่งจะทำให้ห่วงโซ่อุปทานมีความโปร่งใสมากขึ้น และผลักดันให้มีความยั่งยืนมากขึ้น และทุกครั้งที่ผลิตภัณฑ์เคลื่อนย้ายภายในห่วงโซ่อุหทาน จะถูกบันทึกไว้ในบล็อกเชน ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ผลิตสินค้าปลอมหรือการติดตามว่าใครเป็นคนสุดท้ายที่ถือผลิตภัณฑ์และนำผลิตภัณฑ์ปลอมเข้ามาหรือการเอาผลิตภัณฑ์จริงออกไป เป็นต้น

9.ความยั่งยืน (Sustainability)

9.ความยั่งยืน (Sustainability)

ท้ายสุด คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงความยั่งยืน โดยในอดีตแฟชั่นมักติดตามรูปแบบเดิมของฤดูกาลต่าง ๆ กล่าวคือ นักออกแบบจะนำเสนอเสื้อผ้าสำหรับฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ จากปัญหาเร่งด่วนในเรื่องสภาพภูมิอากาศ ทำให้นักออกแบบหันเหจากคอลเลคชั่นตามฤดูกาล ไปยังการออกแบบเสื้อผ้าที่ไม่มีกาลเวลา ที่สามารถให้บริการผู้บริโภคได้หลายปี 

จากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคและแบรนด์แฟชั่นกำลังหันเหจาก "fast fashion" ไปสู่แนวคิดของ “slow fashion” ผลก็คือ แบรนด์หลายรายกำลังเลือกที่จะทำการผลิตอย่างยั่งยืนและผู้บริโภคกำลังเลือกแบรนด์ที่ตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมมากกว่า fast fashion ทั้งนี้ จากข้อมูลของโปรแกรมค้นหาข้อมูลแฟชั่น Lyst พบว่า คิดเป็นร้อยละ 47 ของนักช้อปมองหาผลิตภัณฑ์ที่ผลิตอย่างมีจริยธรรมและมีความยั่งยืน

และอีกการดำเนินการหนึ่งที่สร้างความยั่งยืน ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น คือ การซื้อเสื้อผ้ามือสองจากการฝากขายและจากร้านขายของมือสอง หนึ่งในร้านขายของมือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด คือ Threadup คาดการณ์ว่า ตลาดเสื้อผ้ามือสองทั้งหมดจะมีมูลค่า 51 พันล้านเหรียญฯ ภายในปี 2023 ส่วนร้านเสื้อผ้า Re-Fashion ได้พัฒนาโครงสร้างแบบวงปิด (cyclical structure) สำหรับแฟชั่นที่ยั่งยืน โดยจำหน่ายเสื้อผ้าจากนักออกแบบมือสอง ในราคาที่เหมาะสมและรับบริจาคฟรีด้วย ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นแพลทฟอร์มดิจิทัลที่ผลักดันความยั่งยืนผ่านทางตลาดออนไลน์

 

Cuyana's sustainability model

สิ่งเหล่านี้แสดงว่าความยั่งยืนผลักดันการตัดสินใจทางธุรกิจ และการตลาดออนไลน์ และกลายมามีความสำคัญสำหรับแบรนด์และนักออกแบบส่วนใหญ่ 


------------------------------------------------

ที่มา :  www.thaitextile.org หัวข้อ แนวโน้มแฟชั่น, Trends, Technology, Fashion, Industry, 2023, Thai Textile and Fashion Outlook by THTI, issue 45, THTI, Fashion Intelligence Unit, FIU, FIU_'66

ข่าวสารความเคลื่อนไหว
เครือข่าย IWIN เปิดตัวโครงการ Circular Upholstery Textile เป้าหมายเพื่อเปลี่ยนเส้นทางของเสียจากหลุมฝังกลบกลับมาใช้ใหม่และการรีไซเคิล
Le Casino เปลี่ยนขยะเป็นโอกาสกับเส้นทางเดินของรองเท้ารักษ์โลก
ญี่ปุ่นตั้งเป้าขยายธุรกิจเศรษฐกิจหมุนเวียน
ยุทธศาสตร์ใหม่ของสหภาพยุโรปสำหรับสิ่งทอที่ยั่งยืนและสิ่งทอหมุนเวียน
COP27 เริ่มแล้ว ประเด็นร้อนการหารือเรื่องการให้ชาติร่ำรวยต้องชดเชยให้กับชาติยากจนที่ได้รับผลกระทบจากโลกร้อน
Marimekko นำร่องโครงการ Closed Loop โดยใช้วัสดุเหลือใช้
นวัตกรรมเส้นใยจากใบอ้อยสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบเหลือใช้ทางการเกษตรสู่ผลิตภัณฑ์แฟชั่นจากธรรมชาติ