มาตรการควบคุม PFAS ที่เข้มงวดขึ้น: ความท้าทายและโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
ในช่วงปี 2025 ที่ผ่านมา มีการผลักดันอย่างเร่งด่วนทั่วโลกในการควบคุมและกำกับดูแลสารเคมีในกลุ่ม PFAS (per- and polyfluoroalkyl substances) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ "สารเคมีตลอดกาล" เนื่องจากคุณสมบัติที่คงทนและไม่ย่อยสลายง่าย หน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ ได้ออกมาตรการที่หลากหลายเพื่อรับมือกับผลกระทบที่อาจเป็นอันตรายของสารเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมที่ใช้ PFAS เป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างแพร่หลาย เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม

ภาพรวมมาตรการ PFAS ทั่วโลก
รัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ได้เร่งดำเนินการออกกฎหมายใหม่ ๆ ดังนี้:
-สหรัฐอเมริกา: สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐฯ (US EPA) กำลังพิจารณาปรับปรุงข้อกำหนดการรายงานภายใต้กฎหมายควบคุมสารพิษ (TSCA) เพื่อลดภาระให้กับธุรกิจขนาดเล็ก ขณะเดียวกัน รัฐต่างๆ ก็มีมาตรการแบน PFAS ในผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่ม เช่น บรรจุภัณฑ์อาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล นอกจากนี้ รัฐมินนิโซตายังได้ออกกฎหมายใหม่ที่ให้การยกเว้นสาร PFAS ในส่วนประกอบภายในของผลิตภัณฑ์จนถึงปี 2032
-สหภาพยุโรป (EU): EU กำลังดำเนินการจัดตั้งกรอบการตรวจสอบ PFAS ทั่วทั้งภูมิภาค และกำลังพิจารณาข้อเสนอเพื่อจำกัดการใช้ PFAS โดยรวมในวงกว้าง นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินการทางกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น ดังที่เห็นจากคำตัดสินของศาลอิตาลีที่สั่งจำคุกผู้บริหารบริษัทเคมีจากเหตุการณ์ปนเปื้อน PFAS ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในยุโรป
-ประเทศอื่น ๆ: ออสเตรเลียยืนยันการยกเว้นเครื่องมือแพทย์และส่วนประกอบจากข้อกำหนดการแบน PFAS ขณะที่องค์กรพัฒนาเอกชนในสหราชอาณาจักรกำลังเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับมาตรการควบคุม PFAS ของ EU
ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
เนื่องจากสาร PFAS ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทออย่างกว้างขวางเพื่อเพิ่มคุณสมบัติกันน้ำและกันคราบ มาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้นจึงส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมนี้ รายงานระบุว่าองค์กรพัฒนาเอกชนในสหราชอาณาจักรได้เรียกร้องให้รัฐบาลยุติการใช้ PFAS ในอุตสาหกรรมสิ่งทอโดยทันที และในข้อเสนอของ EU เองก็ระบุว่าผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค เช่น เสื้อผ้าและอุปกรณ์เครื่องครัว จะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในการควบคุม
ความท้าทายหลัก:
1.การหาวัสดุทดแทน: อุตสาหกรรมสิ่งทอต้องเผชิญกับความท้าทายในการหาสารเคมีอื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ PFAS ในการให้คุณสมบัติกันน้ำและความคงทน
2.ความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทาน: ด้วยลักษณะธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกันทั่วโลก ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ ต้องจัดการกับกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและหลากหลายในแต่ละภูมิภาค การขาดความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทานอาจทำให้ยากต่อการรับรองว่าวัสดุทั้งหมดปลอดสาร PFAS
3.ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ: ธุรกิจจำเป็นต้องวางแผนล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับและบทลงโทษทางกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการทดสอบผลิตภัณฑ์อย่างเข้มงวดเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานใหม่
โอกาสในอนาคต
แม้จะมีความท้าทาย แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นโอกาสให้อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มก้าวไปสู่ความยั่งยืนมากขึ้น รายงานระบุว่าสหภาพยุโรปกำลังจัดตั้ง "ศูนย์นวัตกรรมและการทดแทน" (innovation and substitution hubs) เพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) สามารถค้นหาและพัฒนาวัสดุทดแทนที่ปลอดภัยได้
นอกจากนี้ การเปลี่ยนผ่านสู่ผลิตภัณฑ์ปลอด PFAS ยังเป็นไปตามกระแสความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน การริเริ่มต่าง ๆ ของอุตสาหกรรมเอง เช่น การรับรองโดย bluesign ก็ได้เริ่มแบนหรือทยอยเลิกใช้สาร PFAS แล้ว ซึ่งการดำเนินการเชิงรุกเช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามกฎระเบียบได้ แต่ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจให้กับแบรนด์ในตลาดอีกด้วย
ด้วยภูมิทัศน์ด้านกฎระเบียบที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การทำความเข้าใจสถานการณ์และปรับตัวอย่างทันท่วงทีจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้
PFAS คืออะไร
PFAS หรือสารเพอร์และโพลีฟลูออโรอัลคิล (Per- and Polyfluoroalkyl Substances) คือสารเคมีสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติทนทานต่อน้ำและน้ำมัน สาร PFAS ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด เช่น บรรจุภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง สิ่งทอ โฟมดับเพลิง เป็นต้น ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ PFAS นำมาใช้เพื่อทำให้เสื้อผ้ากันน้ำและทนทาน เช่น เสื้อกันฝน ชุดกีฬา หรือถุงเท้า อย่างไรก็ตาม สาร PFAS เป็นสารเคมีอมตะ (forever chemicals) ที่ไม่สลายตัวง่ายและสามารถสะสมในสิ่งแวดล้อมและร่างกายได้ ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิด ปัญหาเกี่ยวกับระบบฮอร์โมนและระบบภูมิคุ้มกัน ปัจจุบันกฎหมายในหลายพื้นที่เริ่มห้ามใช้สาร PFAS
สาร PFAS สามารถปนเปื้อนในน้ำ อากาศ และดิน ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบนิเวศ เนื่องจาก PFAS เป็นสารที่ย่อยสลายยากและคงอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน ทำให้ยากต่อการกำจัด และเป็นอันตรายต่อสุขภาพหากผ่านเข้าสู่ร่างกาย PFAS สามารถปนเปื้อนในอาหารผ่านหลายช่องทาง เช่น การผลิต, บรรจุภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์อุปโภค เช่น สารเคลือบและสารหล่อลื่น หลอดดูดน้ำ แก้วใช้แล้วทิ้ง และบรรจุภัณฑ์กระดาษ สารเหล่านี้มีความเสถียรและทนทานต่อการย่อยสลาย ทำให้สามารถสะสมในสิ่งแวดล้อมและเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารได้
อ้างอิง: https://ecoplasticsinpackaging.com/end-markets/california-pet-recycler-rplanet-earth-shuts-down/
ดาวน์โหลด PFAS-Regulatory-Updates-2025.pdf